วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

สอบซ่อมคอมพิวเตอร์ธุรกิจ

บทที่ 1
1. บุคลากรในข้อใดมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์มากที่สุด


ตอบ นักวิเคราะห์ระบบ


2. ข้อใดคือยูติลิตี้โรแกรม


ตอบ WindowsXP


3. ข้อใดถือว่าเป็นองค์ประกอบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการป้อนข้อมูลเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์


ตอบ แป้นพิมพ์


4. ข้อใดไม่ใช้ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์


ตอบ Games


5. ในกรณีที่ต้องการต่อสายเมาส์ต้องต่อเข้ากับอุปกรณ์ใด


ตอบ เมนบอร์ด


6. ข้อใดไม่ใช่หน่วยความจำสำรอง


ตอบ รอม


7. คอมพิวเตอร์ในข้อใดน่าจะนำไปใช้งานมากที่สุด


ตอบ ไฮบริดคอมพิวเตอร์


8. ข้อใดไม่ใช่ส่วนประกอบของระบบคอมพิวเตอร์


ตอบ ซุปเปอร์แวร์


9. องค์ประกอบคอมพิวเตอร์ที่ใช้มนการแสดงผลคือข้อใด


ตอบ จอภาพ


10. ซอฟต์แวร์ที่เป็นภาษาของคอมพิวเตอร์คือข้อใด


ตอบ Norton


บทที่ 2


1. ข้อใดคืออุปกรณ์อินพุทยูนิต


ตอบ CPU


2. หน่วยประมวลผลข้อมูลกลางคือข้อใด


ตอบ CPU


3. ข้อใดไม่ใช่อุปกรณ์ต่อพ่วง


ตอบ เมนบอร์ด


4. เครื่องพิมพ์ที่ใช้หลักการฉีดพ่นหมึกคือข้อใด


ตอบ เลเซอร์


5. การที่ให้ปากกาเคลื่อนที่ไปมาบนแกนโลหะเพื่อวาดภาพลงบนกระดาษเป็นหลักการของอุปกรณ์ชนิดใด


ตอบ Flatbed Plotter


6. อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่อ่านรหัสข้อมูลที่ติดบนสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ คืออุปกรณ์ใด


ตอบ Drum Plotter


7. หน่วยความจำภายในกล้องดิจิตอลสามารถเก็บภาพได้ประมาณที่ภาพ


ตอบ 20


8. ข้อใดไม่ใช่สื่อที่ใช้ในการบันทึกข้อมูล


ตอบ ฮาร์ดิสก์


9. สื่อบันทึกข้อมูลที่มีความจุมากกว่า 4.7 GB คือข้อใด


ตอบ ฮาร์ดดิสก์


10ข้อใดคือคุณสมบัติของแฮนตี้ไดร์ฟ


ตอบ พกพาสะดวกจุข้อมูลมาก


บทที่ 3


1. ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ของโปรแกรมระบบปฏิบัติการ


ตอบ เป็นตัวกลางระหว่างเครื่องกับผู้ใช้


2.ข้อดีของระบบปฏิบัติการ DOS คือข้อใด


ตอบ ติดต่อผู้ใช้โดยการพิมพ์


3. ข้อเสียของระบบปฏิบัติการวินโดวส์95 คือข้อใด


ตอบ ต้องสั่งงานโดยใช้เมาส์


4. วินโดวส์ ต่างจากวินโดวส์98 อย่างไร


ตอง ซอฟต์แวร์สนับสนุน


5. ระบบปฏิบัติการใดน่าจะมีความเหมาะสมในยุคปัจจุบัน (พ.ศ. 2547) มากที่สุด


ตอบ WindowsXP


6. ระบบปฏิบัติการที่เหมาะกับคอมพิวเตอร์เมนเฟรมและการติดต่อสื่อสารระยะไกลคือข้อใด


ตอบ WindowsXP


7. ระบบปฏิบัติการประเภท Open Source คือข้อใด


ตอบ WindowsXP


8.ระบบปฏิบัติการที่เหมาะกับคอมพิวเตอร์เมนเฟรมและการติดต่อสื่อสารระยะไกลคือข้อใด
- Unix
9.ระบบปฏืบัติการประเภท Open Source คือข้อใด  
-Linux
10.ระบบปฏิบัติการใดเหมาะกับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบ SUN
ตอบ Solaris

บทที่4
1.การจัดเรียกไอคอนทำได้อย่างไรบ้าง
 ตอบ 1.แบบ Name 2.แบบ Size 3.แบบType 4.แบบModified 5.แบบ Auto Arrange 6.แบบ Align
to Grid
2.การเรียกใช้โปรแกรม Run จะต้องเข้าไปที่ใด
- คลิกปุ่ม Start เลือกคำสั่ง Run
3.โฟลเดอร์ที่ใช้เก็บ ไฟล์ โฟลเดอร์ หรือข้อมูลต่าง ๆ ที่เราต้องการลบทิ้งเรียกว่าอะไร
- ถังขยะ(Recycle Bin)
4.ปกติทาสก์บาร์(Taskbar)จะอยู่ด้านใดของจอภาพ
- ด้านล่าง
5.พื้นที่หน้าจอเมื่อเราเริ่มต้นเข้าสู่โปรแกรมเปรียบเหมือนโต๊ะทำงานของเราเรียกว่าอะไร
- เดสก์ท็อป(Desktop)
6.ทูลสทิป(toolstip)คืออะไร
- ข้อความสำหรับอธิบายโปรแกรม
7.การจัดเรียงไอคอนแบบ Modified เป็นการจัดเรียงรูปแบบใด
- เรียงตามวันที่แก้ไขหรือสร้างไฟล์ของไอคอน
8.จะทำให้แถบทาสก์บาร์ซ่อนตัวต้องติกถูกที่หน้าช่องใด
-Auto - hide the taskbar
9.Title Bar คืออะไร
-แถบชื่อที่สำหรับแสดงชื่อวินโดวส์
10.ปุ่ม Advanced ใช้สำหรับทำอะไร
- ใช้สำหรับปรับแต่งรายละเอียดอื่น ๆ เพิ่มเติม
 บทที่5
1.ผู้ใช้ในระดับใดที่สามารถ Log on เข้าไปสร้าง User Account ได้
-User
2.ผู้ใช้ในระดับใดสามารถเปิดและปิกการใช้งานผู้ใช้ระดับ Guest ได้
-Guest
3.ตัวเลือกใดที่ใชสำหรับการเปลี่ยนรูปภาพผู้ใช้
-Change the picture
4.ตัวเลือกใดที่ใช้สำหรับการเปลี่ยนชนิดของผู้ใช้
-Change the account type
5.ตัวเลือกใดที่ใช้สำหรับการสร้างรหัสผ่าน
-Change the password
6.Delete the account คืออะไร
-ลบผู้ใช้
7)ผู้ใช้ในระดับใดที่สามารถ Log On  เข้าไปสร้าง User Account ได้



-Adminstrator
8)ผู้ใช้ในระดับใดสามารถเปิดและปิดการใช้งานผู้ระดับ Guest ได้
-Administrator
9)ข้อใดถูกต้อง
-Guest เปิดการใช้งานตัว้องได้
10)ข้อความที่ปรากฎว่า " Do you want to keep you's files ? " เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนใด 
-การลบผู้ใช้ 

บทที่6
1.คำสั่งใดที่ใช้ในการเปลี่ยนชื่อไฟล์ โฟลเดอร์

-Rename

2.คำสั่งใดที่ใช้ในการลบไฟล์หรือโฟลเดอร์

-Delete

3.การจัดเรียงไฟล์และโฟลเดอร์แบบ Show in Group  เป็นการจัดเรียงแบบใด

-เรียงตามกลุ่มตัวอักษรแรกของชื่อ

4.การจัดเรียงไฟล์และโฟลเอดร์แบบ Size เป็นการจัดเรียงแบบใด

-เรียงตามขนาดความจุของไฟล์หรือโฟลเดอร์

5.เมื่อไฟล์หรือฟลเดอร์ถูกลบทิ้งจะย้ายไปอยู่ที่ใด

-ถังขยะ

6.ข้อใดถูกต้อง

-ไฟล์ที่อยู่ในถังยะสามารถกู้คืนได้

7.การเรียกดูคุณสมบัติของโฟลเดอร์ใช้คำสั่งใด

-Search

8.Read-only คือคุรสมบัติแบบใดของโฟลเดอร์

-ไม่มีข้อใดถูก

9.Hidden คือคุณสมบัติแบบใดของโฟลเดอร์

-เขียนโฟลเดอร์นี้ได้

10.การค้นหาไฟล์หรือโฟลเดอร์ใช้โปรแกรม

-Help and Suppor
 

บทที่ 6 การจัดการไฟล์และโปลเดอร์

การจัดการกับไฟล์และโฟลเดอร์นี้ คิดว่าส่วนใหญ่ผู้ที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ใช้งานกันมานานๆแล้วก็คงจะพอทำเป็นกันอยู่แล้วในที่นี้จะขอนำมา อธิบาย อีกครั้ง เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นใช้งานคอมพิวเตอร์ ซึ่งคิดว่าหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ทราบวิธีการต่าง ๆ ในการจัดการไฟล์เหล่านี้ หรือว่าจะก็อปปี้อย่างไร จะลบอย่างไร จะเคลื่อนย้ายอย่างไร มาทำการสำรวจเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานกัน ว่ามีไฟล์หรือโฟลเดอร์อะไรอยู่บ้าง และจะจัดการย้าย ลบ หรือก็อปปี้ ข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง แต่ก่อนที่จะเข้าเรื่องของไฟล์ต่าง ๆ มาดูก่อนว่า เครื่องคอมพิวเตอร์ ของเรานั้นมีอะไรบ้าง ที่ใช้สำหรับเก็บ ข้อมูล เริ่มต้นจากการกด Double Clickที่ My Computer เพื่อดูทั้งหมดโดยรวมก่อน

จากรูป จะเห็นว่าใน My Computer จะประกอบด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ ดังนี้



1. 3.5 Floppy (A:) คือ Floppy Disk Drive สำหรับใช้งานกับแผ่น Floppy Disk
2. Partition 1 (C:) คือฮาร์ดดิสก์พาร์ติชันแรก จะมีชื่อเรียกว่าเป็น Drive C:
3. Partition 2 (C:) คือฮาร์ดดิสก์พาร์ติชันที่สอง จะมีชื่อเรียกว่าเป็น Drive D:
4. (E:) คือไดรฟ์ของ ซีดีรอม นั่นเอง
5. ส่วนประกอบอื่น ๆ จะยังไม่สนใจเอาแต่เฉพาะพวกไดรฟ์ที่ใช้เก็บข้อมูลต่าง ๆ ก่อน

หากต้องการดูข้อมูลของแต่ละไดรฟ์ ว่ามีขนาดจำนวนเท่าไร ใช้งานไปแล้วเท่าไร ก็สามารถทำได้โดยเลือกที่เมนู File และ Properties เพื่อดูรายละเอียด



จากตัวอย่างตามรูป จะเห็นว่าเป็นฮาร์ดดิสก์ Drive C ขนาด 1.49GB ใช้งานไปแล้ว 1.29GB เหลือพื้นที่ว่างอยู่ 205MB มีชื่อ Volume Label เป็น "PARTITION 1" และใช้ระบบ FAT32
หากต้องการที่จะดูรายละเอียดของไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่มีอยู่ในไดรฟ์ต่าง ๆ ก็สามารถทำได้ โดยการกด Double Click เข้าไปในไดรฟ์ที่ต้องการ เช่นที่ Drive C:



จะเห็นรายละเอียดของไฟล์และโฟล์เดอร์ต่าง ๆ (ข้อมูลที่เห็นอาจจะมีรูปร่างไม่เหมือนกับตัวอย่างนี้ แต่สามารถเลือกรูปแบบ การแสดงไฟล์ ให้เป็นแบบต่าง ๆ ได้โดยการเลือกที่เมนู Views เพื่อเลือกรูปแบบต่าง ๆ ได้) ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ ไฟล์ และโฟลเดอร์ กันก่อน

ไฟล์ (File) คือส่วนที่ใช้สำหรับเก็บข้อมูลต่าง ๆ เป็นไฟล์ ซึ่งจะมีหลายชนิดเช่น ไฟล์เก็บตัวอักษรก็จะเป็น Text Document หรือไฟล์ของโปรแกรมก็จะเป็น Application และไฟล์อื่น ๆ อีกมากมายตามชนิดของข้อมูลนั้น ๆ จากตัวอย่างตามรูป เช่น Autoexec, Command, Frontpg.log ฯลฯ

โฟลเดอร์ (Folder) คือส่วนที่ทำการสร้างขึ้นมาพิเศษ สำหรับแยกเก็บไฟล์ต่าง ๆ เพื่อความเป็นระเบียบ โฟลเดอร์ไม่ใช่ไฟล์ แต่มองภาพง่าย ๆ คล้ายกับกล่องที่ใช้เก็บไฟล์ เพื่อให้สามารถแยกสัดส่วนการเก็บให้เป็นระเบียบได้มากขึ้น เช่นโฟลเดอร์ของ Windows ก็จะเก็บไฟล์ต่าง ๆ ที่เป็นระบบของ Windowsนอกจากนี้ภายในโฟลเดอร์ก็ยังสามารถสร้าง โฟลเดอร์ย่อย ลึกลงไปอีกหลาย ๆ ชั้นลงไปได้อีกด้วย ลองดับเบิดคลิกที่โฟลเดอร์ Program Files ดูจะเห็นลักษณะโครงสร้างด้านในของโฟลเดอร์นั้น ๆ



จะเห็นว่า ด้านในของ C:\Program Files ลึกเข้าไปก็จะประกอบด้วยโฟลเดอร์ต่าง ๆ ย่อยลงไปอีก ที่ใช้สำหรับแบ่ง การเก็บไฟล์ต่าง ๆ ให้แยกกันออกไป พอเข้าใจ อย่าลืมนึกภาพง่าย ๆ ว่าโฟลเดอร์ ก็คือกล่องต่าง ๆ สำหรับใส่ไฟล์นั่นเองจะเห็นว่า ด้านในของ C:\Program Files ลึกเข้าไปก็จะประกอบด้วยโฟลเดอร์ต่าง ๆ ย่อยลงไปอีก ที่ใช้สำหรับแบ่ง การเก็บไฟล์ต่าง ๆ ให้แยกกันออกไป พอเข้าใจ อย่าลืมนึกภาพง่าย ๆ ว่าโฟลเดอร์ ก็คือกล่องต่าง ๆ สำหรับใส่ไฟล์นั่นเอง

การสร้างโฟลเดอร์ขึ้นมาใหม่ ทำได้โดยการเลือกที่เมนู File เลือกที่ New และ Folder ซึ่งครั้งแรกจะมีการตั้งชื่อเป็น New Folder เสมอ เราสามารถทำการเปลี่ยนชื่อได้โดยการกดปุ่ม F2 บนคีย์บอร์ดและเปลี่ยนชื่อได้ตามต้องการ ส่วนการลบ ก็ทำได้โดยใช้เมาส์กดเลือกที่ Folder นั้นและเลือกที่เมนู Delete หรือกดปุ่ม DEL บนคีย์บอร์ดก็ได้ ทดลองสร้าง โฟลเดอร์ขึ้นมาใหม่ และทดลองลบกันดู เพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้น

การดูรายละเอียดต่าง ๆ ของไฟล์หรือโฟลเดอร์ ก็สามารถทำได้โดยการเลือกที่ไฟล์นั้น ๆ และเลือกเมนู Properties ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งจะเห็นรายละเอียดต่าง ๆ ของไฟล์หรือโฟลเดอร์นั้น ๆ



เช่นการดูรายละเอียดของ C:\Program Files จะเห็นขนาดของไฟล์ทั้งหมด จำนวนไฟล์ที่เก็บอยู่ในโฟลเดอร์นี้ นอกจากนั้นยังมีส่วนของ Attributes อีกด้วย ซึ่งมีความหมายดังนี้

Read-only คือไฟล์หรือโฟล์เดอร์ที่สามารถอ่านได้อย่างเดียว จะเขียนหรือลบไม่ได้
Hidden คือไฟล์หรือโฟลเดอร์ ที่มีการซ่อนไว้ โดยปกติจะมองไม่เห็น นอกจากจะกำหนดให้แสดงHidden File ด้วย
Archive คือไฟล์หรือโฟลเดอร์สำหรับแสดงว่าเป็นไฟล์ธรรมดาทั่ว ๆ ไป
System คือไฟล์หรือโฟลเดอร์ ที่แสดงว่าเป็นไฟล์ของระบบหากต้องการที่จะเปลี่ยน Attributesเหล่านี้ก็ ใช้เมาส์ กด เลือกหรือยกเลิกได้ตามต้องการ Read-only คือไฟล์หรือโฟล์เดอร์ที่สามารถอ่านได้อย่างเดียว จะเขียนหรือลบไม่ได้
Hidden คือไฟล์หรือโฟลเดอร์ ที่มีการซ่อนไว้ โดยปกติจะมองไม่เห็น นอกจากจะกำหนดให้แสดงHidden File ด้วย
Archive คือไฟล์หรือโฟลเดอร์สำหรับแสดงว่าเป็นไฟล์ธรรมดาทั่ว ๆ ไป
System คือไฟล์หรือโฟลเดอร์ ที่แสดงว่าเป็นไฟล์ของระบบหากต้องการที่จะเปลี่ยน Attributesเหล่านี้ก็ ใช้เมาส์ กด เลือกหรือยกเลิกได้ตามต้องการ

บทที่ 5 User Accounts

ตามปรกติแล้วแต่ละเครื่องจะมี Account ผู้ใช้งานประจำเครื่องอย่างน้อย 1 account เสมอครับ (เหมือนกับบน windows) ถ้าเป็นเครื่องส่วนตัวเราจะไม่ค่อยได้มาตรงส่วนนี้เท่าไหร่ ถ้าเราใช้งานคนเดียวบนเครื่อง account เราก็จะเป็นชื่อของเรา และได้สิทธิ์เป็น admin ให้จัดการทรัพยากรของเครื่องได้ทั้งหมด
แต่สำหรับเครื่องในบริษัท หรือเครื่องที่มีผู้ใช้งานหลายคนร่วมกันนั้น การสร้าง account ให้เหมาะสมกับการใช้งานของแต่ละคนเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ (และควรกระทำด้วยครับ เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรภายในเครื่องเราครับ ยิ้มปากกว้าง)
โดยเครื่องที่มีมากกว่า 1 account นั้น ปรกติค่า setting ต่าง ๆ ของแต่ละ account จะแยกจากกันได้โดยอิสระ เช่น

  • โปรแกรมต่าง ๆ
  • ขนาด font ข้อความ
  • ภาพพื้นหลัง desktop
  • รวมไปถึง setting เฉพาะกิจต่าง ๆ ตามแต่ผู้ใช้งานแต่ละคนจะเลือกตั้งเอาไว้ (พูดให้ง่ายคือ ของใครของมันครับ ไม่เกี่ยวกัน)
เครื่องที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 คนขึ้นไป ผู้ที่เป็นเจ้าของเครื่อง หรือ ผู้ใช้งานระดับ admin สามารถสร้าง account ใหม่ขึ้นมาให้กับผู้ใช้แต่ละคนได้ ซึ่งการทำแบบนี้มีข้อดีคือ
  1. ช่วยให้บริหาร file / folder ภายในเครื่องสะดวกขึ้น เช่น ป้องกันการเข้าถึงไฟล์ที่เจ้าของเครื่อง/admin ไม่ต้องการให้ผู้ใช้งานคนอื่นบนเครื่องเข้าถึง หรือใช้งานไฟล์นั้น ๆได้ เพราะเอกสารของแต่ละ account จะแยกจากกัน ยกเว้นบาง folder เช่น public folder / shared folder ที่จะมองเห็นร่วมกันเท่านั้น (หรือจะกำหนดสิทธิ์พิเศษให้มองเห็น folder ต่าง ๆ เป็นกรณีไปก็ทำได้)
  2. ป้องกันความเสียหายจาก user อื่นไม่ให้มาซนกับไฟล์ของ admin หรือไฟล์ของระบบ
  3. admin สามารถจำกัดสิทธิ์การใช้งานของ user อื่น ๆ บนเครื่องได้ เช่น ผู้ปกครองสามารถสร้าง account ให้บุตรหลานใช้งานบนเครื่องเดียวกัน แล้วยังกำหนดระยะเวลาให้เล่น internet ได้ถึง 4 ทุ่มของทุกวันเท่านั้น เป็นต้น
ไปที่ System Preference เลือก Accounts
001-_3.jpg
เราจะเห็นหน้าต่างแสดงรายชื่อบัญชีผู้ใช้หรือว่า Account ที่มีอยู่ในเครื่อง
002-_3.jpg
ตรงนี้จะบอกเราว่า ขณะนี้ในเครื่องของเรามี บัญชีผู้ใช้ (account) ของใครอยู่ในเครื่องบ้าง
  • My Account - คือ account ของเราเอง ดูสถานะได้จากใต้ชื่อ ใครที่มีสถานะเป็น Admin จะสามารถปรับเปลี่ยนระบบต่าง ๆ ได้
  • Other Accounts - คือ บัญชีผู้ใช้อื่น ๆ ที่ admin สามารถสร้างเพิ่ม หรือว่าลบออกจากระบบได้
ให้สังเกตว่ากุญแจที่อยู่ด้านล่างล๊อกอยู่หรือไม่ ถ้าล๊อกอยู่เราจะเข้าไปแก้ไขข้อมูลอะไรไม่ได้ ต้องปลดล๊อกก่อนเท่านั้น การปลดล๊อกทำได้ด้วยการคลิ๊กไปที่ลูกกุญแจครับ
คลิ๊กไปที่ลูกกุญแจเพื่อปลดล๊อก
003-_3.jpg
เมื่อคลิ๊กที่รูปกุญแจแล้ว ระบบจะถาม username กับ password ของเรา ให้กรอกแล้วกด OK ผ่านไปหมายเหตุ - ขึ้นตอนการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับ system หรือว่าไฟล์ของระบบแล้วนั้นส่วนใหญ่ ถ้าเราจะทำการแก้ไข เรามักจะต้องใส่ password ก่อนเสมอ
หลังจากปลดล๊อกแล้ว ทำการเพิ่ม account โดยการกดที่เครื่องหมาย ‘+’ (บวก)
004-_3.jpg
หน้าต่างใหม่ให้กรอกรายละเอียดของ ผู้ใช้งาน/user ใหม่บนเครื่อง
006-_3.jpg
New Account: ชนิตของบัญชีผู้ใช้แบบต่าง ๆ (อธิบายจากรูปถัดไป)
Name: ชื่อประจำตัวของ account นี้ โดยทั่วไปก็เอาชื่อ/ตำแหน่งผู้ใช้งานมาใส่ .. จะเป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ทำให้สับสนทีหลัง
Short Name: ชื่อย่อ
Password: ระหัสผ่าน
Verify: ยืนยันระหัสผ่าน
Password Hint: คำถามใบ้ แนะแนวกรณีที่เราลืม password ตั้งอะไรก็ได้ที่เกี่ยวโยงกับ password ที่เราตั้งไว้ จะกรอกตรงนี้เป็นภาษาไทยก็ได้ครับ =)

บทที่ 4 เทคนิคการใช้งาน Windows 7

ดูจากรูปเราจะเห็นว่า Windows 7 แม้ จะพัฒนาต่อยอดมาจาก Windows Vista แต่หน้าตาก็มีการปรับเปลี่ยนไปบ้างพอสมควร แม้จะใช้งานได้ไม่ยาก แต่ก็ต้องปรับตัวกันนิดหน่อยเพื่อให้สามารถใช้งาน Windows 7 ได้ ง่ายขึ้น ซึ่งส่วนประกอบที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือส่วนของทาสก์บาร์ ที่ปรับปรุงให้เรียกใช้โปรแกรมได้ง่ายขึ้น มีการตัดทอนบางฟังก์ชั่นออกไป เช่น Quick LaunchWIndows7_desktop
ส่วนของซิสเท็มบาร์ที่ถูกซ่อนเอาไว้ไม่ให้แสดงผลเกะกะบนหน้าจอ รวมทั้งแถบของ Gadget ที่หายไป โดยเราสามารถเรียก Gadget ขึ้นมา และวางไว้ตรงไหนก็ได้ของหน้าจอ โดยไม่กินพื้นที่เหมือนกับ Gadget Bar ในWindows Vista อีก แน่นอนว่าเมื่อเวอร์ชันใหม่ออกมา ก็ต้องมีความสามารถใหม่ๆ ตามมาด้วย และนี่คือทิปที่จะช่วยให้คุณใช้งาน Windows? 7 ได้ง่ายและสะดวกขึ้น พร้อมกับสามารถปรับแต่งหน้าตาอินเทอร์เฟสต่างๆ ได้ตามต้องการ

สร้างแผ่นสำหรับแก้ไขปัญหาคอมพิวเตอร์

คงบอกว่าหากวันใดวันหนึ่ง Windows ของคุณเกิดปัญหาขึ้น จะทำให้คุณต้องยุ่งยากขนาดไหน ดังนั้นเราควรที่จะสร้างหนทางสำหรับที่จะทำให้เราสามารถแก้ไขปัญหาได้ง่าย ขึ้น โดยการสร้างแผ่นบู๊ตยามฉุกเฉินเอาไว้ก่อน โดยหลังจากที่ติดตั้ง Windows เสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ก็ให้เราเตรียมแผ่นดิสก์เปล่าๆเอาไว้ก่อน จากนั้นคลิกที่ Start > Maintenance > Create a System Repair Disc และใส่แผ่นดิสก์เปล่าลงไป และให้ Windows 7 สร้างแผ่นบู๊ตยามฉุกเฉินเอาไว้ก่อน ทีนี้ หาก Windows มีปัญหาในการทำงานเกิดขึ้น เราก็สามารถใช้แผ่นดิสก์นี้บู๊ต เพื่อแก้ไขปัญหาCreate_emergency_Disc

เขียนแผ่นซีดีและวิดีโอจาก ISO ไฟล์ โดยไม่ต้องลงโปรแกรมเบิร์น

คุณสมบัติอย่างหนึ่งของ Windows 7 ก็ คือเราสามารถสร้างเบิร์นแผ่นดีวีดีหรือซีดีได้ โดยไม่ต้องลงโปรแกรมเขียนแผ่นดิสก์ลงไปก่อน ซึ่งช่วยให้สะดวกขึ้น หากว่ามีแผ่นโปรแกรมในรูปแบบของไฟล์ ISO อยู่ในเครื่องอยู่แล้ว ก็สามารถคลิกที่ไฟล์ ISO นั้นแล้วเลือกไดรว์ที่จะเขียน พร้อมกับใส่แผ่นดิสก์เปล่าลงไป เท่านี้ Windows ก็จะพร้อมที่จะสร้างแผ่นดิสก์จาก ISO ไฟล์ได้เลย

แก้ไขปัญหาใน Windows 7 ให้รวดเร็ว

เวลาเกิดปัญหากับการใช้งาน Windows คงไม่ต้องบอกว่ามันยุ่งยากขนาดไหน เพราะเราไม่รู้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากอะไรและจะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆนั้นอย่างไรได้บ้าง แต่สำหรับ Windows 7 แล้ว มีเครื่องมือที่จะช่วยให้เราสามารถค้นหาปัญหา และแก้ไขได้ด้วยตัวเองก่อนที่จะต้องส่งให้ผู้เชี่ยวชาญต่อไป โดยเราสามารถเข้าถึงการตรวจสอบปัญหาต่างๆ ได้จากการเลือกที่ Control Panel > Troubleshoot Problems ซึ่งจะมีวิซาร์ด ช่วยในการค้นหาปัญหาที่เกิดขึ้น และวิธีการแก้ไข รวมทั้งยังเป็นการเช็คอัพระบบ และกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับการทำงานของคุณได้Troubles_Shooting

ซ่อนไอคอนของ Windows Live Messenger

ถ้าคุณเป็นอีกคนหนึ่ง ที่ต้องใช้ Windows Live Messenger เป็นประจำบน Windows 7คุณ จะพบว่าเมื่อเปิด Windows Live Messenger มันจะแสดงการทำงานค้างไว้บนทาสก์บาร์ให้เกะกะ ซึ่งหากคุณไม่ชอบใจ ก็สามารถซ่อนการทำงานของ Windows Live Messenger เอาไว้ได้ โดยก่อนอื่นต้องคลิกขวา เลือกที่ไอคอนของ Windows Live Messenger จากนั้นเลือกที่ Properties แล้ว กำหนดให้แอพพลิเคชั่น ทำงานในโหมดของ Windows Vista Compatibility จากนั้นก็เปิดการทำงานของ Windows Live ขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้โปรแกรม Messenger จะถูกซ่อนการทำงานเอาไว้ ไม่โผล่มาให้เกะกะบนทาสก์บาร์อีก

เพิ่มพื้นที่การใช้งานให้กับเดสก์ท็อป

ใน Windows 7 เรา จะพบว่าทาสก์บาร์นั้นมีขนาดที่ใหญ่มาก ซึ่งอาจจะกินพื้นที่บางส่วนของเดสก์ท็อปไปอย่างมาก รวมทั้งไอคอนต่างๆ ทำให้พื้นที่สำหรับแอพพลิเคชั่นต่างๆ นั้น วางได้ไม่เยอะ ซึ่งเราสามารถที่จะปรับขนาดของไอคอนบนเดสก์ท็อปให้เล็กลงได้ โดยคลิกขวาที่ทาสก์บาร์ จากนั้นเลือกที่ Properties > Taskbar > Use small icons เพื่อที่จะให้ไอคอนบนทาสก์บาร์เล็กลง และเราก็จะได้พื้นที่ใช้งานบนเดสก์ท็อปนั้นเพิ่มขึ้น

เพิ่ม Quick Launch ให้กับทาสก์บาร์

ด้วยการมี Launch ที่สามารถเรียกโปรแกรมต่างๆ ขึ้นมาให้แล้ว ทำให้ Quick Launch เดิมที่มาพร้อมกับ Windows ก่อนหน้านี้ ถูกตัดออกไป แต่เราก็สามารถเปิดการทำงานของ Quick Launch ขึ้นมาได้ โดยให้คลิกขวาที่ทาสก์บาร์ จากนั้นเลือกที่ Toolbars/ New Tools Bar ก็จะปรากฏหน้าต่าง Folder Selection dialog ขึ้นมา ให้พิมพ์ข้อความตามนี้ลงไป %userprofile%\AppData\Roaming\Microsoft\Internet Explorer\Quick Launch แล้วคลิกที่ OK ก็จะมีแถบของ Quick Launch ปรากฏขึ้นที่ทาสก์บาร์ แต่ตอนนี้ Quick Launch จะดูเหมือนว่าไม่ปรากฏออกมาเพราะมีแถบข้อความ และคำอธิบายเต็มไปหมด ให้คลิกขวาที่ Quick Launch แล้วเอาเช็คบ็อกซ์ตรง lock the taskbar ออก แล้วคลิกขวาอีกครั้งที่ Quick Launch และให้นำเช็คสบ็อกซ์ หน้าข้อความ show Text และ Show Titles ออกไป ที่นี้เราก็สามารถลากไอคอนชอร์ตคัทของโปรแกรมต่างๆ ที่ต้องการ นำมาวางไว้ตรง Quick Launch นี้ได้ และเมื่อเป็นที่พอใจแล้ว ก็ให้คลิกขวาที่ทาสก์บาร์ พร้อมกับล็อคทาสก์บาร์เอาไว้ให้เรียบร้อย
QuickLuanch

เปลี่ยนการทำงานให้กับเพาเวอร์สวิทช์

ปกติหน้าที่ของเพาเวอร์สวิทช์ ก็คือการเปิดเครื่อง แต่ขณะที่คอมพิวเตอร์กำลังทำงานอยู่ล่ะ จะให้มันทำหน้าที่เป็นอะไร ในWindows 7 เรา สามารถกำหนดการทำงานให้กับเพาเวอร์สวิทช์ได้ โดยคลิกขวาที่ไอคอน Windows มุมล่างซ้าย แล้วเลือกที่ properties จากนั้น คลิกที่แท็บ Start Menu แล้วตรง power button action ก็กำหนดหน้าที่ที่ต้องการให้กับปุ่มเพาเวอร์ได้ ทั้งการชัตดาวน์ รีสตาร์ท หรือล็อคเครื่องก็ได้เช่นกันPower Button Option

ควบคุมการทำงานบน Windows ด้วยปุ่ม Windows คีย์

หากคุณต้องการปรับการแสดงผลขณะทำงานบน Windows 7 เพื่อ ให้สะดวกขึ้น เราสามารถใช้ปุ่ม windows คีย์ เพื่อเป็นคีย์ลัดในการจัดการการแสดงผลของหน้าต่างบน Windows ได้ ไม่ว่าจะเป็นการย่อขยาย จัดการแสดงผลให้เต็มหน้าจอ หรือย่อทั้งหมดลงมา หรือเรียกการทำงานของหน้าต่างที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว เป็นต้น ซึ่งคีย์ลัดนี้ เราสามารถทำงานกับ Windows ได้อย่างรวดเร็วขึ้น โดยสามารถแบ่งการทำงานที่ต้องใช้ร่วมกับปุ่ม Windows คีย์ได้ดังนี้
  • ปรับขนาดของหน้าต่างให้ตรงกับความต้องการ
-?? ?เราสามารถใช้ปุ่ม Windows คีย์ ร่วมกับปุ่มลูกศร เพื่อปรับขนาดของ Windows ได้ตามต้องการ เช่น
-?? ?Win + ลูกศรขึ้น และ Win+ ลูกศรลง? เป็นการขยายขนาดของหน้าต่างให้เต็มหน้าจอ และย่อขนาดกลับลงมาเท่าเดิม
-?? ?Win + ลูกศรซ้าย และ Win + ลูกศรขวา เป็นการกำหนดตำแหน่งของการแสดงผลอยู่ทางครึ่งของหน้าจอทางซ้ายมือหรือว่าขวามือ
-?? ?Win + Shift +ลูกศรขึ้น และ Win+Shift+ ลูกศรลง? เป็นการขยายขนาดของหน้าต่างให้เต็มหน้าจอทางด้านแนวตั้ง และย่อขนาดกลับลงมาเท่าเดิม
  • แสดงผลออกโปรเจ็คเตอร์

หมดปัญหากับการที่ต้องควานหาปุ่ม เพื่อเลือกการแสดง หากต้องการต่อกับโปรเจ็คเตอร์หรือมอนิเตอร์ภายนอก เพราะเพียงแค่ใช้คีย์ Win + P ก็จะเป็นการเลือกการแสดงที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงผลเฉพาะหน้าจอหลัก การแสดงผลหน้าจอทั้งสองให้เหมือนๆกัน การแสดงแบบบนจอที่สองแบบ extend และการแสดงผลเฉพาะจอที่สองเพียงอย่างเดียว
แต่หากว่าคุณต้องการแสดงผลเฉพาะพรีเซนเทชั่น เพื่อออกไปทางโปรเจ็คเตอร์ คงไม่อยากให้การแสดงผลบนหน้าจอถูกขัดจังหวะด้วยสกรีนเซฟเวอร์ หรือว่าข้อความทาง IM ที่ส่งมาให้คุณ เราสามารถใช้ปุ่ม Win+X เพื่อกำหนดการแสดงผลเฉพาะพรีเซนเทชั่นได้ เท่านี้เวลาข้อความทาง IM ส่งเข้ามาหรือว่าสกรีนเซฟเวอร์ทำงาน ก็จะไม่มีผลต่อการแสดงผลบนหน้าจอโปรเจ็คเตอร์อีก
  • ย่อหน้าต่างให้เลือกเฉพาะที่ใช้งานปัจจุบัน

เราสามารถย่อหน้าต่างอื่นๆที่ไม่ได้ใช้งาน ให้ลงไปอยู่บนทาสก์บาร์ได้ โดยกดคีย์ Win+ Home ซึ่งหน้าต่างอื่นๆที่เราไม่ได้ใช้งานอยู่ ก็จะถูกย่อลงเองโดยอัตโนมัติ และเมื่อกด Win+Home อีกครั้ง ก็จะกลับมาแสดงผลตามปกติ
  • ทำงานแบบหลายมอนิเตอร์พร้อมๆ กัน

ถ้าคุณต่อมอนิเตอร์หลายๆตัวเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ เราสามารถเคลื่อนการทำงานจากมอนิเตอร์หนึ่งไปยังอีกมอนิเตอร์หนึ่งได้ โดยกดปุ่ม Win+shift+ปุ่มลูกศรซ้าย หรือขวา เพื่อเลื่อนการทำงานไปยังมอนิเตอร์ที่ต้องการได้
  • เรียกใช้โปรแกรมบนทาสก์บาร์ด้วยคีย์ลัด

ในทาสก์บาร์ของ Windows 7 จะ มีการจัดเรียงโปรแกรมเอาไว้อยู่ และเราสามารถที่จะเรียกใช้แอพพลิเคชั่นเหล่านั้นได้โดยง่าย เพียงแค่เล็งไว้ว่าแอพพลิเคชั่นนั้นๆอยู่ตำแหน่งที่เท่าไหร่ นับจากปุ่มสตาร์ทเป็นต้นมา เราสามารถเรียกแอพพลิเคชั่นได้รวดเร็วขึ้น จากการที่กดคีย์ Win+คีย์ตัวเลข ก็จะเป็นการเรียกใช้งานแอพพลิเคชั่นลำดับตัวเลขนั้นขึ้นมาทันที
  • มองทะลุเดสก์ทอป

ใน Windows 7 มี ฟังก์ชั่นบางตัวที่เรียกว่า? Gadget สำหรับบอกเวลา บอกวันที่ รวมถึงดูโน้ตต่างๆได้ ซึ่งปกติหากเราต้องการดูของต่างๆ ที่อยู่บนเดสก์ท็อป เราต้องย่อหน้าต่างลงมาทั้งหมดเสียก่อน แต่หากว่าเราต้องการแค่ดูเฉยๆโดยไม่ได้ทำอะไร Windowsยอมให้คุณกดปุ่ม Win+Space เพื่อมองทะลุหน้าต่างทั้งหมดที่อยู่ ให้คุณมองเห็นเดสก์ท็อปได้desktop-aero-peek
  • ท่องไปตามทาสก์บาร์

หากต้องการเรียกแอพพลิเคชั่นที่เปิดเอาไว้บนทาสก์บาร์อย่างรวดเร็ว เราสามารถใช้คีย์ Win+T เพื่อเลือกใช้งานโปรแกรมที่อยู่บนทาสก์บาร์ได้ โดยเลือกเป็นกลุ่มของแอพพลิเคชั่น เพื่อสามารถเลือกแอพพลิเคชั่นที่ต้องการได้สะดวกกว่า
desktop-taskbar
  • ขยายการมองเห็นให้กับ Windows

หากว่าคุณเป็นคนที่สายตาไม่ดี หรือมีปัญหากับการมองบางส่วนของภาพได้ไม่ชัดเจน Windows 7 ยอม ให้เราสามารถซูมภาพเข้าไปได้ เพื่อมองบางส่วนในการแสดงผลให้ชัดเจนขึ้น โดยใช้คีย์ Win++ ก็จะเป็นการใช้งานฟังก์ชั่น magnifier ในการขยายภาพทั้งหมดบนหน้าจอขึ้นมา และหากต้องการกลับสู่การแสดงผลปกติ ก็เพียงแค่ใช้คีย์ Win + -? ก็จะเป็นการย่อให้ Windows กลับมาแสดงผลเป็นปกติ เรียบร้อยเหมือนเดิม
  • เรียกใช้งาน Gadget ได้อย่างรวดเร็ว

Gadget บน Windows 7 ให้ ประโยชน์ในการทำงานของเราได้อย่างมาก เช่น ปฏิทิน หรือว่านาฬิกา แต่ในขณะทำงานอยู่ มักจะไม่สะดวกที่จะต้องย่อหน้าต่างลงไป ซึ่งหากเราต้องการเรียกใช้งาน Gadget อย่างปัจจุบันทันด่วน เราสามารถเข้าถึง Gadget ได้อย่างรวดเร็วด้วยคีย์ Win+G เพื่อให้ Gadget ขึ้นมาอยู่บนท็อปของหน้าต่างการทำงานปัจจุบันได้ทันทีdesktop-gadgets

ทำงานง่ายขึ้นด้วย ALT คีย์

ใน Windows 7 สามารถ ใช้งานคีย์ลัด เพื่ออำนวยความสะดวกในการเรียกใช้งาน Windows ได้อย่างมาก และ ALT ก็คือคีย์อเนกประสงค์อีกคีย์หนึ่ง ที่สามารถนำมาใช้งานร่วมกับคีย์ต่างๆ เพื่อให้ทำงานร่วมกับ Windows ได้สะดวกขึ้นเรียกใช้งานเมนูบาร์บน Explorer
ด้วยฟังก์ชั่นพิเศษที่ไมโครซอฟท์เห็นว่ามันอาจจะเกะกะ ก็เลยซ่อนเมนูบาร์ใน Explorer เอาไว้ซะ ทำให้การปรับแต่งการทำงานต่างๆนั้นอาจจะไม่สะดวก แต่เราสามารถเรียกเมนูบาร์ออกมาได้ง่ายๆ โดยกดปุ่ม alt หนึ่งครั้งก็จะเป็นการแสดงผลเมนูบาร์ขึ้นมา และเมนูบาร์นี้จะถูกซ่อนเอาไว้โดยอัตโนมัติ เมื่อเราไม่ได้ใช้งาน

เพิ่มขีดความสามารถในการใช้งาน Explorer

ใน Explorer ตัวล่าสุดของ Windows 7 เราสามารถใช้คีย์ลัด ALT ร่วมกับคีย์ต่างๆ เพื่อให้ใช้งาน Explorer ได้ง่ายขึ้น เช่นเพิ่มขีดความสามารถในการใช้งาน-Explorer7
  • ALT+UP เป็นการกระโดดไปยังโฟลเดอร์แรกสุดคือ Desktop โดยอัตโนมัติ หรือย้อนกลับไปโฟลเดอร์รูท หากว่าเราทำงานอยู่ในโฟลเดอร์ย่อยๆ ของโฟลเดอร์รูทนั้น
  • ALT + Right คือการไล่สเต็ปไปยังโฟลเดอร์ ที่เปิดขึ้นมาล่าสุด
  • ALT + LEFT คือการย้อนกลับไปทำงานยังโฟลเดอร์ก่อนหน้าโฟลเดอร์ปัจจุบัน
  • ALT +D เป็นการทำงานกับแอดเดรสบาร์ของพาธ การทำงานปัจจุบัน
  • F4 เป็นการเรียกใช้งาน drop down menu ของแอดเดรสบาร์
  • ALT+ENTER เป็นการเรียก Properties ของไฟล์ที่เคอร์เซอร์กำลังถูกเลือกอยู่ในขณะนั้น
  • CTRL+mousewheel เป็นการเปลี่ยนขนาดของไอคอนใน explorer
  • F11 เป็นการเปลี่ยนโหมดของ explorerให้ทำงานในโหมด Full Screen

เรียกใช้งานแอพพลิเคชั่นในโหมดของ Windows Compatibility เพื่อให้สามารถใช้งานร่วมกับโปรแกรมเก่าได้

ปัญหาใหญ่ๆของการใช้งาน Windows 7 ก็ คือการทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นเดิมๆ ที่เคยใช้งานได้ใน Windows XP หรือว่า Vista ซึ่งหากเราเรียกใช้งานตรงๆ อาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นได้ Windows 7 จึง มีโหมดการทำงาน Windows Compatibility เพื่อให้นำแอพพลิเคชั่นเดิมๆที่สามารถเคยใช้งานได้ใน Windows XP หรือ Vista ให้ใช้งานได้บน Windows 7 โดย การคลิกขวาที่ไอคอนของแอพพลิเคชั่นนั้นๆ จากนั้นเลือกที่ Properties แล้วไปยังแท็บ compatibility mode และเลือก Run this program in compatibility mode for ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าให้แอพพลิเคชั่นตัวนั้น ทำงานในโหมดของ Windows เวอร์ชั่นไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น Windows XP หรือว่า Windows 95 ก็ยังไหว โดยในโหมด compatibility แนะนำว่าควรที่จะเลือก disable visual themes และ desktop composition เอาไว้ด้วย และหากว่าแอพพลิเคชั่นนั้นเป็นวิดีโอเกม ก็ควรที่จะเลือก Run this program as an administrator เอาไว้ด้วย เพื่อที่ Windows 7 จะไม่ตั้งคำถามสำหรับคุณอีกProgram Compatibility

ใช้งาน Sticky Notes เพื่อเตือนความจำ

แอพพลิเคชั่นหลายๆ ตัวได้ถูกเติมเต็มเข้ามาใน Windows 7 นี้ เพื่อให้การทำงานของผู้ใช้นั้นง่ายขึ้น โดยไม่ต้องไปหาโปรแกรมอื่นๆมาติดตั้งให้ยุ่งยากอีก เช่น Sticky Notes หรือ กระดาษเตือนความจำ ซึ่งให้เราสามารถโน้ตข้อความต่างๆ วางไว้บนเดสก์ท็อปได้สะดวก โดยเราสามารถเรียกใช้งาน Sticky Notes จากการพิมพ์ notes ที่ช่อง Search ก็จะเป็นการหาแอพพลิเคชั่น Sticky Note ให้เราเองโดยอัตโนมัติ และเราสามารถเปลี่ยนสีของกระดาษโน้ตได้ โดยการคลิกขวาที่ Sticky Note แล้วเลือกสีกระดาษโน้ตตามต้องการ? และหากต้องการเพิ่มกระดาษโน้ตก็สามารถคลิกที่เครื่องหมาย + บนกระดาษโน้ต และเมื่อต้องการปิดการใช้งาน Sticky Note ก็ให้กด Alt+F4 ก็จะเป็นการปิดการทำงานลง แต่จะเก็บข้อความทั้งหมดเอาไว้ ซึ่งเมื่อเปิดการทำงานขึ้นมาอีก ข้อความเดิมที่มีอยู่ก็จะปรากฏขึ้นมาเหมือนเดิมSticky Notes

วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วิธีสแกนไวรัส ใน แฟรชไดร์

 

วิธีลดปัญหาไวรัสจาก Flash Drive



ติดตั้งโปรแกรมกำจัดไวรัส Autorun (ไวรัส Autorun เป็นตัวหนึ่งที่เป็นปัญหาหลักของผู้ใช้งาน Flash Drive)
ตรวจสอบไวรัสจาก Flash Drive ก่อนใช้งาน
เสียบ Flash Drive ใน USB drive
รอจนกระทั่งหน้าจอ แสดงว่า สามารถใช้งานได้
ให้กดปุ่ม Windows Logo + E เป็นการเปิดหน้าต่าง Explorer
ให้สังเกตุ drive ของ USB ที่เพิ่งแสดง
ให้คลิกขวาที่ driveของ USB และคลิกคำสั่ง "Scan for Viruses" หรือคำที่มีความหมายใกล้เคียง (ทั้งนี้ ขึ้นกับโปรแกรม Anti-virus แต่ละแบรนด์)
แค่นี้ก็สามารถลดปัญหาได้อย่างมากแล้วครับ สำหรับกรณีที่โปรแกรม anit-virus ของคุณ ตรวจพบไวรัส แนะนำให้ทำการ "Revove" ก่อน ถ้าไม่ได้ให้ "Quarantine" หรือ "Delete" ทิ้งไปจะดีที่สุด แต่ทั้งนี้ คงต้องพิจารณาว่า ไฟล์ที่ติดไวรัสนั้น เป็นไฟล์ของ Windows หรือเปล่า (ซึ่งผู้ใช้งานทั่ว

วิธีการ สแกน Drive:D

 

ลักษณะของ Antivirus ที่ดี
เวลากำลัง scan ฆ่าไวรัส ไม่ต้อง กลับมาถามผู้ใช้ว่า ไฟล์นี้ติดไวรัส จะทำลายไวรัสมั๊ย ไฟล์นี้ใช้งานอยู่จะลบมั๊ย เราเป็นเจ้านาย อันนี้เอามั๊ย อันนั้นทำมั๊ย เราก็รำคาญน๊ะ บางทีกด yes กด No เป็นไฟล์ระบบ windows ถูกลบ เครื่องบูตไม่ได้ งานด่วนเลยไม่เสร็จ
อย่าพูดมาก ลงมือเลย
ตามขั้นตอนครับ
1.เห็น antivirus ตัวหนึ่ง ดี ณ เวลานี้ คลิก download ที่นี่เลยครับ หรือที่ web เจ้าของโปรแกรมแต่รอนานหน่อย ที่ ที่นี่ (เพราะ download ไว้นาน
อาจใช้ไม่ได้ ) Save เอาไว้ที่ Drive D: เป็น version 8 มค. 52
2.ปิดระบบ ย้อนเวลาหาอดีต เพราะอดีตมีไวรัส ตัดกรรมมันซ่ะเลย ไปที่หน้าจอ คลิกขวาที่ รูป My Computer คลิก Poperties

                                                                                                              3.คลิกแถบ System Restore คลิก เครื่องหมายถูกที่ สี่เหลี่ยม Turn Off System Restore on all Drives.





ระบบย้อนหลังปิดไปแล้ว
4.ต่อไป ขั้นตอนการฆ่าไวรัส แค่ดับเบิลคลิก ไฟล์ที่ ดาวโหลด มาที่เก็บไว้ที่ ไดรฟ์ D ก็ แล้ว Scan ก็ จบ
ไม่มีอะไร ยาก แต่ ณ เวลานี้ เครื่องเรามีไวรัสแล้ว เราจะ scanไวรัสทำงาน ภายใต้ ระบบที่ไม่สะอาด จะดีเหรอ
ถ้าอาการ ไม่หนักมาก็เอา เลย แต่ถ้าหนัก ก็ ให้ทำงานภายใต้ Save Mode ต้อง restart boot เครื่องใหม่ ขณะที่ boot
กด F8 หลายๆ ครั้ง จะมีเมนูให้เลือก ให้เลือก save mode กด enter จนเข้า save Mode ซึ่งเป็น Mode ที่ไวรัสไม่ทำงาน
ก็สามารถ scan ได้เลย
5.ขั้นตอนการ Scan เปิด My computer เปิด drive D: จะเห็นไฟล์ที่ ดาวโหลดมา ดับเบิลคลิก ให้ทำงานได้เลย หลังดับเบิลคลิกแล้ว ต้อง รอนิดหนึ่ง

กดปุ่ม Accept ยอมรับ เงื่อนไข
..
แล้วเข้าสู่ หน้าต่าง พร้อมฆ่า แต่อย่าเพิ่งฆ่า (บาป) ต้องดูว่า ขณะนี้เครื่อง Run แอนตี้ไวรัสอื่นอยู่มั๊ย
ถ้าทำงานอยู่ ให้ stop ก่อน (ส่วนใหญ่อยู่ล่างขวา คลิกขวาจะมีให้ stop หรือ disable ) เมื่อ stop เสร็จต้องสั่งให้ Norman Scan ไวรัสทันที อย่าให้เป็นสูญญากาศนาน
เพราะไวรัส จะแย่งลงมือก่อน
เมื่อกด ปุ่ม Scan ในช่อง Scan Result เป็น การรายงานการฆ่า ถ้าขึ้นสีแดง แสดงว่ามีไวรัสที่สำคัญที่ฆ่าแล้ว

ข้อดี คือ มันไม่ถามเราว่า ไฟล์นี้ลบมั๊ย ทั้งที่ ไฟล์นั้นมันก็ ข้าผู้น้อยสมควรตาย (ไฟล์ขยะ) แล้วก็ตาม
ร้องเพลง รอ สัก ชั่วโมงมั้ง กว่าจะเสร็จ แล้วแต่ปริมาณไฟล์ในเครื่อง
ถ้าอยากหยุดก็ กดปุ่ม Stop ได้ แต่อย่าเลยครับ

6.เมื่อ ฆ่าหมดแล้ว ทีนี้ การป้องกันตนเอง จากไวรัส ทั้งสองตัวที่แนะนำ ลงเสร็จแล้วต้อง Run ลองดูโดยที่เครื่องไม่ restart ก่อน
6.1 ลง antivirus ที่ฆ่าแล้วได้ผล Download ที่นี่
6.2 ลง antivirus จากการต่อ Handry Drive ที่ฆ่าแล้วได้ผล
Download ที่นี่

7.ถ้า Avast ฆ่าไม่ได้ ลอง Fix ไวรัสจาก โปรแกรมนี้ หรือ ตัวนี้ Scan ผ่านเนต
8.ถ้าเจอ VmwareService ให้ run regedit => HKEY_LOCAL_MECHINE => system => CurrentControlSet =>service =>VmwareService ลบซ่ะ
8.1 ที่ folder c:\windows\system\ลบ vmwhereservice.exe

วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การติดตั้งโปรแกรม Antivir Personal

การติดตั้งโปรแกรม Avira AntiVir Personal
Avira AntiVir Personal - FREE Antivirus เป็นโปรแกรมฟรีแวร์สำหรับป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ที่ให้ดาวโหลดมาใช้งานกันได้ฟรี โดยมีความสามารถในการป้องกันไวรัสได้ดีและเป็นที่นิยมใช้งานจากผู้ใช้งานจำนวนมากทั่วโลก มาดูขั้นตอนในการติดตั้งและใช้งานโปรแกรมกันสักเล็กน้อย

1 หลังจากดาวโหลดโปรแกรมมาแล้ว ให้เราทำการดับเบิลคลิกเพื่อเปิดไฟล์การติดตั้งขึ้นมา ตามภาพด้านล่างโดยให้เราคลิกที่ปุ่ม Run

2 จากนั้นให้เราคลิกที่คำสั่ง Accept เพื่อเริ่มเข้าสู่หน้าต่างการติดตั้งถัดไปตามภาพ

3 จะมีกรอบหน้าต่างแสดงการต้อนรับเข้าสู่การติดตั้งโปรแกรมให้เราคลิก Next next

4 จากนั้นให้เราคลิกปุ่ม next ต่อไป

5 ให้เราคลิกปุ่มยอมรับเงื่อนไขการใช้งาน และคลิกปุ่ม Next

6 จะแสดงข้อมูลเงื่อนไขการใช้งานอีกครั้ง ให้เรายอมรับ จากนั้นให้คลิก next

7 ตัวเลือกการติดตั้งมี 2 แบบ ให้เราเลือกแบบ Complete

8 การลงทะเบียนผลิตภัณฑ์ ให้เราคลิก Check box ออก ทั้งสองอัน (ไม่ต้องลง) จากนั้นคลิก Next

9 ภาพแสดงความคืบหน้าการติดตั้ง


10 การติดตั้งที่สมบูรณ์ให้เราคลิก Finish

11 จะมีแถบข้อความแจ้งว่าเราต้องการ update ฐานข้อมูลไวรัสขึ้นมาให้เราตอบตกลงโดยเลือก Yes

12 จากนั้นดปรแกรมก็จะทำการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลของผู้ผลิตเพื่อทำการ update ข้อมูลไวรัสให้ทันสมัย เราต้องคอยประมาณ 5-10 นาทีโดยประมาณ

12 หลังการ update เมื่อเราเปิดโปรแกรมขึ้นมาจะมีข้อมูลแสดงให้เราทราบ เป็นข้อมูลวันเวลาที่โปรแกรมสามารถใช้งานได้ ,ข้อมูลแสดงการ update ซึ่งปกติถ้าเราทำถูกต้องจะมีติ้กถูกเป็นสีเขียว และในส่วนของการ scan system now แนะนำให้คลิก เพื่อให้โปรแกรม scan หาไวรัสในเครื่องของเรา (อาจจะใช้เวลานานพอสมควร ให้ทำตอนว่างๆ)

วิธีการติดตั่ง โปรแกรม nod

วิธีการติดตั้ง Nod32 V.4

ป้องกันไวรัส กับ NOD32 4.0.68 BETA + วิธีอัพเดทและติดตั้งด้านใน ESET NOD32 Antivirus 4.0.68 BETA :โปรแกรมป้องกันไวรัสแบบ Real-Time NOD32… ซึ่งได้รับความนิยม ซึ่งอาจจะเป็นเพราะตัวซอฟแวเองมีขนาดเล็ก และ ไม่กินแรงเครื่อง และยังป้แงกันไวรัสแบบ Real-Time ป้องกันไวรัส หนอน ม้าโทรจัน สปายแวร์ และอื่่นๆ ในเครื่องคุณ หากว่าซ้ำยังงัยก็ขออภัยด้วยนะครับ

วิธีการติดตั้ง ESET NOD32 Antivirus 4.0.68 32

1.ดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ eav_nt32_enu.
2.คลิก Next


3.เลือก I accept ...... คลิก Next



4.เลือก Typical... คลิก Next


5. คลิก Next


6.เลือก Enable detection คลิก Next



7.คลิก Install




8.คลิก Finsh



** หลังจากนั้นรอโปรแกรมทำงาน สัก 1 - 2 นาที มันจะอัพเดทฐานข้อมูล

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วิธีการติดตั้ง printer และการ share printer

บทความนี้ขอแบ่ง เป็น 2 ส่วน ดังนี้
ส่วนที่ 1 เครื่อง Server (เครื่องแม่)เป็นเครื่องที่ต้องต่อกับ Printer โดยตรง  ซึ่งผมขอตั้งเป็น ชื่อ Server01 (ผมสมมุติขึ้นไม่ต้องตั้งตามก็ได้)
ส่วนที่ 2 เครื่อง Client  (เครื่องลูก)
**** หมายเหตุ ผมขอใช้เป็น เครื่อง server เนี่ยะหมายถึงเครื่องที่ต่อ กับ Printer นะครับไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องซื้อเครื่อง Server

เรามาเริ่มกันเลยดีกว่านะครับ ในส่วนที่ 1 เครื่อง Server (เครื่องแม่)
1.1 การ ติดตั้ง Printer
ก่อน อื่นเราจะต้องทำการติดตั้งเครื่อง Printer เสียก่อน บางท่านการติดตั้งเครื่อง Printer นั้นเป็นเรื่องง่าย  แต่ผู้คนบางกลุ่ม อาจจะไม่เคยติดตั้ง Printer เลย ดังนั้นผมจึงขอเสนอ ตั้งแต่เริ่มต้นทำการการติดตั้ง Printer
วิธีการติดตั้ง Printer
1.1.1 ให้คุณไปที่ Start >>> Setting >>> Printer and Faxes


1.1.2 เลือก Add Printer
1.1.3 คลิ๊ก Next

1.1.4 เลือกไปที่ Local printer attached this computer และเอาเครื่องหมายถูก ที่ Automatic detect and install my Plug and Play Printer ออก  จากนั้น คลิก Next
1.1.5 ในช่อง Use the following port เราสามารถเปลี่ยนเป็น port ที่เราต้องการได้ ในที่นี้ผมไม่เปลี่ยนนะครับ เลยจะได้เป็น LPT1 เหมือนในรูป จากนั้นคลิ๊ก Next นะครับ
1.1.6 ขั้นต่อมาจะเป็นการติดตั้ง Driver ให้กับเครื่อง Printer นะครับ ให้เราเลือกไปที่ Have Disk เพื่อทำการเลือก Driver ให้กับ Printer


1.1.7 เลือก ที่ Browse เพื่อหา Driver ให้กับเครื่อง Printer ซึ่งขึ้นอยู่กับของแต่ละคนว่าอยู่ที่ไหน แต่ส่วนมากจะอยู่ที่ Dive CD Rom ดังนั้น ให้ทำการ Browse ไปที่ Drive Cd Rom นะครับ


1.1.8  เมื่อเจอ Driver แล้ว ทำการ คลิก Next ได้เลยนะครับ

1.1.9 ตรง Printer Name เราสามารถเปลี่ยนชื่อได้ตามที่ต้องการนะครับ เมื่อได้ชื่อที่ต้องการ ให้ คลิก Next


1.2 การ Share Printer
1.2.1 หลังจากที่เราทำมาจนถึง ข้อ 1.1.9  ก็จะมาถึงหน้าที่ เราจะต้องทำการ Share Printer แล้วละครับ
ให้เราตั้งชื่อ เครื่อง Printer ที่เราต้องการ จะ Share ในช่อง Share Name จากนั้นคลิก Next


1.2.2 ตรง Location และ Comment นั้น คุณ จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ แต่ผมแนะนำให้ใส่ เกิดคุณมีเครื่อง Printer หลายตัว การตั้งชื่อและการ บอก Location จะทำให้คุณจดจำมันได้ง่าย
1.2.3 ในหน้าถัดมา มันจะเป็น หน้าทดสอบ การ Print เช่น กันจะทดสอบหรือไม่ก็ได้ 
ถ้าต้องการ ทดสอบ ให้ คลิกที่ Yes
ถ้าไม่ต้องการทดสอบให้คลิกที่ No
แต่แนะนำให้คลิกที่ Yes เพื่อทำหารทดสอบ เราจะได้รู้ว่า เครื่อง printer สามารถทำงานได้จริงหรือไม่ จากนั้นคลิก Next
1.2.4 เสร็จแล้วละครับ ให้เรา คลิ๊กที่ Finish ได้เลย

1.2.5 ให้เราเข้าไปดูใน Printer and Faxes อีกครั้ง โดยไปที่ Start >>> Setting >>> Printer and Faxes จะเห็นว่าเครื่อง Printer ที่เราเพิ่งได้ทำการติดตั้งไป มีลักษณะของการ Share แล้ว (เป็นรูปมือ)
จบในส่วนที่ 1 ซึ่งเป็นส่วนของ Server เครื่อง Printer แล้วครับ

ส่วนที่ 2 เครื่องลูกหรือเครื่อง Client

2.1 การ Add Printer
ทำได้ง่ายมากคับ ให้คุณไปที่ Start >>>>Run>>>>
2.2
พิมพ์ข้อความ ดังนี้ \\ชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์หรือip ของเครื่องที่เปิด Share print(เครื่อง Server ) เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งนะครับ
สมมุติว่าผมตั้งชื่อเครื่อง computer ที่เปิด Share Printer ชื่อว่า server01 มี Ip 192.168.0.1
ผมก็จะพิมพ์ข้อความลงไปดังนี้

\\server01
หรือ
\\192.168.0.1
2.3 จากนั้นเราจะเข้าสู่หน้าต่างของเครื่อง Server01 นะครับ
เราจะมองเห็นเครื่อง Printer ที่เครื่อง Server01 ทำการเปิด Share ไว้นะครับ (ที่เราติดตั้งไปในส่วนที่ 1)

2.4 ให้ไปคลิ๊กขวาที่เครื่อง Printer นะครับ จากนั้นเลือก Connect นะครับ และรอซักครู่นะครับ

2.5 ให้เราตรวจสอบอีกครั้งว่าเรา connect printer สำเร็จหรือไม่นะครับ
ไปที่ Start >>> Setting >>>Printer and Faxes เพื่อดูเครื่อง Printer ที่เรา Connect เข้ามา
2.6 ถ้าเห็นว่ามีชื่อเครื่อง Print ที่เราได้ Connect มาเมื่อกี้ก็แสดงว่าเราทำสำเร็จ !!!!
+++ดีใจด้วยนะครับ+++
2.7 ให้เราลอง Print เอกสารนะครับ
เปิดโปรแกรม Word หรือ อะไรก็ได้ที่ มันสามารถสั่ง Print ได้ ลองสั่ง print นะครับ ในกรณีที่คุณใช้โปรแกรม word ให้คุณไปที่ File>> Print >>> เราจะเห็นช่องแรกนะครับ คือช่อง Name ให้เราเลือกเป็นชื่อเครื่อง Printer ที่เราจะทำการสั่ง Print แล้วคลิ๊ก OK ครับ
 
รอกระดาษออก มา